บ้านมีกลิ่นอับ แก้ไขอย่างไรดี เพื่ออากาศที่บริสุทธิ์

กลิ่นอับในบ้านเป็นปัญหาที่หลายคนประสบและอาจมองข้ามไป แต่ในความเป็นจริง กลิ่นอับไม่เพียงแค่สร้างความรำคาญใจ ยังส่งผลต่อสุขภาพกายและใจ เช่น การเกิดภูมิแพ้หรือการสะสมของเชื้อราที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ อีกทั้งยังทำลายบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ในบ้าน บทความนี้จะช่วยคุณระบุสาเหตุของกลิ่นอับ พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขและป้องกันอย่างครบถ้วน เพื่ออากาศที่บริสุทธิ์ในบ้านของคุณ 

สาเหตุของกลิ่นอับในบ้าน 

การรู้สาเหตุของปัญหาเป็นขั้นตอนแรกที่จะช่วยแก้ไขกลิ่นอับในบ้านให้ได้ผล ซึ่งปัญหามักเกิดจาก

  • ความชื้นในอากาศ  ความชื้นเป็นตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรีย สภาพอากาศที่ร้อนชื้นในประเทศไทยทำให้ปัญหานี้พบได้บ่อย โดยเฉพาะในห้องที่ไม่มีการถ่ายเทของอากาศ เช่น ห้องน้ำ ห้องเก็บของ หรือใต้บันได 
  • การสะสมของสิ่งสกปรก  ของใช้ในบ้าน เช่น พรม ฟูก หมอน หรือผ้าม่าน มักสะสมฝุ่นและกลิ่นเป็นระยะเวลานาน หากไม่มีการทำความสะอาด 
  • กลิ่นอาหาร  เศษอาหารที่ตกค้าง กลิ่นน้ำมันจากการทำอาหาร หรืออาหารที่บูดในตู้เย็น ล้วนทำให้เกิดกลิ่นอับในพื้นที่ห้องครัวหรือจุดที่วางถังขยะ 
  • สัตว์เลี้ยงในบ้าน  กลิ่นจากขนสัตว์ ฉี่ หรือเหงื่อของสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้รับการดูแล 

การระบุสาเหตุอย่างชัดเจนจะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขต้นตอของปัญหาได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

วิธีแก้ไขกลิ่นอับในบ้านแบบเบื้องต้น 

หากบ้านของคุณมีกลิ่นอับที่ไม่รุนแรงเกินไป การเริ่มต้นด้วยวิธีง่าย ๆ สามารถช่วยลดปัญหาได้อย่างมีนัยสำคัญ  

  • เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ  การเปิดหน้าต่างอย่างน้อยวันละ 1 2 ชั่วโมงเพื่อรับลมธรรมชาติ ช่วยลดการสะสมของอากาศอับชื้น โดยเฉพาะในห้องที่ไม่มีช่องระบายลม 
  • ทำความสะอาดพื้นและมุมอับต่าง ๆ  จุดที่มักสะสมฝุ่นและกลิ่น เช่น ใต้เฟอร์นิเจอร์หรือซอกมุมต่าง ๆ ควรดูดฝุ่นและถูพื้นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ 
  • ซักและตากผ้าให้แห้งสนิท  เสื้อผ้า ผ้าห่ม หรือปลอกหมอนที่ชื้นเป็นแหล่งสะสมกลิ่นอับ แนะนำให้นำไปซักและตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรค 
  • ใช้ถุงดูดกลิ่น  เช่น ถ่านไม้ เบกกิ้งโซดา หรือแผ่นดูดกลิ่น วางไว้ตามตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก หรือห้องน้ำ 

แม้จะเป็นวิธีพื้นฐานด้วยต้นไม้ฟอกอากาศ แต่การทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดกลิ่นอับได้อย่างชัดเจน 

การจัดระบบระบายอากาศในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ 

บ้านที่ไม่มีระบบระบายอากาศที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีกลิ่นอับ การปรับปรุงระบบระบายอากาศในบ้านควรให้ความสำคัญในจุดต่าง ๆ ดังนี้  

  • ติดพัดลมดูดอากาศ  โดยเฉพาะในห้องน้ำและห้องครัว พัดลมดูดอากาศจะช่วยนำไอเสียหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากห้องได้อย่างรวดเร็ว 
  • ใช้เครื่องฟอกอากาศ  เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีตัวกรอง HEPA ซึ่งช่วยดักจับอนุภาคเล็ก ๆ เช่น ฝุ่นละออง และกลิ่นไม่พึงประสงค์ 
  • เปิดประตูและหน้าต่างตามทิศลม  การเปิดหน้าต่างในทิศทางที่ลมพัดผ่านจะช่วยให้บ้านได้รับอากาศใหม่ที่สดชื่นขึ้น 
  • ติดตั้งช่องระบายอากาศเพิ่ม  หากห้องไม่มีหน้าต่าง ควรติดตั้งช่องระบายอากาศในผนังหรือเพดานเพื่อช่วยให้อากาศภายในหมุนเวียน 

ระบบระบายอากาศที่ดีไม่เพียงช่วยลดปัญหากลิ่นอับ ยังทำให้บ้านของคุณเย็นและน่าอยู่ยิ่งขึ้น 

การจัดบ้านให้ลดความชื้นและเชื้อรา 

ความชื้นเป็นศัตรูหลักของบ้านที่อากาศบริสุทธิ์ เพราะช่วยให้เชื้อราและกลิ่นอับเติบโตได้ง่าย วิธีลดความชื้นในบ้าน ได้แก่  

  • ใช้เครื่องลดความชื้น (Dehumidifier)  เครื่องลดความชื้นเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในฤดูฝนที่อากาศมีความชื้นสูง 
  • จัดระเบียบของใช้ในบ้าน  เก็บสิ่งของที่อาจอับชื้น เช่น หนังสือหรือเสื้อผ้า ไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเท 
  • ตรวจสอบการรั่วซึม  น้ำที่รั่วจากผนัง หลังคา หรือท่อน้ำอาจทำให้เกิดความชื้นสะสม และควรรีบซ่อมแซมเมื่อพบปัญหา 
  • เปิดผ้าม่านรับแสงแดด  แสงแดดเป็นธรรมชาติที่ช่วยฆ่าเชื้อราและลดความชื้นในห้อง 

การลดความชื้นในบ้านจะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคทางเดินหายใจและกลิ่นอับในระยะยาว 

เคล็ดลับจากธรรมชาติในการดับกลิ่นอับ 

วัตถุดิบจากธรรมชาติเป็นอีกทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการจัดการกลิ่นอับด้วยเทคโนโลยีโซล่าเซลล์ โดยคุณสามารถลองใช้วิธีเหล่านี้  

  • เบกกิ้งโซดา  วางถุงเบกกิ้งโซดาไว้ในที่อับชื้น หรือผสมกับน้ำเช็ดพื้นเพื่อกำจัดกลิ่น 
  • น้ำส้มสายชู  ใช้เช็ดทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ หรือวางชามน้ำส้มสายชูไว้ในห้องที่มีกลิ่น 
  • ถ่านไม้  ถ่านช่วยดูดซับความชื้นและกลิ่นได้ดี เพียงวางไว้ในห้องหรือใส่ในกล่องเปิดฝา 
  • เปลือกผลไม้  เช่น เปลือกส้ม หรือมะนาว ให้นำไปตากแดดจนแห้งแล้ววางในตู้หรือห้องต่าง ๆ 
  • สมุนไพรไทย  วางใบเตย ตะไคร้ หรือใบสะระแหน่ในจุดอับเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมธรรมชาติ 

วิธีเหล่านี้นอกจากจะช่วยลดกลิ่น ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยสำหรับเด็กหรือสัตว์เลี้ยง 

การดูแลพื้นที่เฉพาะจุดที่มีกลิ่นอับ 

บางพื้นที่ในบ้านมักเป็นจุดสะสมกลิ่นที่ถูกละเลย การดูแลเฉพาะจุดเหล่านี้จะช่วยแก้ไขปัญหากลิ่นอับได้ตรงจุด  

  • ห้องน้ำ  ทำความสะอาดท่อระบายน้ำและพื้นห้องน้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเฉพาะจุด 
  • ห้องครัว  ทำความสะอาดตู้เย็นทุกเดือน ตรวจสอบอาหารที่หมดอายุ และอย่าลืมดูแลที่ทิ้งขยะ 
  • ตู้เสื้อผ้า  วางถุงดูดความชื้นหรือถ่านไม้ไว้ในตู้ และซักเสื้อผ้าที่ไม่ใช่บ่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอ 
  • ห้องเก็บของ  จัดเรียงของให้พื้นที่โล่งและเปิดชั้นวางเพื่อรับลม 

การใส่ใจในรายละเอียดของพื้นที่เฉพาะจุดช่วยลดกลิ่นอับได้อย่างยั่งยืน 

สร้างนิสัยเพื่อป้องกันกลิ่นอับในบ้าน 

การป้องกันไม่ให้กลิ่นอับเกิดขึ้นในบ้านนั้นง่ายกว่าการแก้ปัญหาภายหลัง เพียงปฏิบัติตามวิธีการเหล่านี้  

  • การทำความสะอาดประจำช่วยลดการสะสมของฝุ่น คราบสกปรก และสิ่งสกปรกที่อาจกลายเป็นต้นเหตุของกลิ่นอับในอนาคต โดยเน้นจุดสำคัญ เช่น พื้นบ้าน  มุมต่าง ๆ ที่เข้าถึงยาก  โต๊ะ  ชั้นวางของ และเฟอร์นิเจอร์ ควรซักผ้าม่านหรือทำความสะอาดพรมเป็นระยะ เพื่อขจัดฝุ่นและเชื้อจุลินทรีย์ที่สะสม 
  • การให้อากาศถ่ายเทในบ้านเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะช่วยลดการกักเก็บความชื้นและกลิ่นอับในอากาศ โดยเฉพาะห้องน้ำ  ห้องครัว  ตู้เสื้อผ้า หรือห้องที่ไม่มีหน้าต่าง หากไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้ทุกวัน คุณควรใช้พัดลมหรือเครื่องระบายอากาศเข้าช่วยอย่างสม่ำเสมอ 
  • เศษอาหารหรือขยะที่สะสมในถังเป็นแหล่งกำเนิดกลิ่นเหม็นที่ชัดเจน หากปล่อยทิ้งไว้นานจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่ เช่น การเกิดแมลงวันหรือหนู ดังนั้น ควรจัดการขยะในห้องครัวและห้องอื่น ๆ ทุกวัน รวมถึงทำความสะอาดถังขยะให้ปราศจากน้ำมันหรือเศษของเหลวที่ตกค้าง 

บทสรุป

กลิ่นอับในบ้านไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไม่ได้ หากคุณเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจสาเหตุ ปรับปรุงระบบระบายอากาศ และใช้วัตถุดิบธรรมชาติช่วยกำจัดกลิ่น การปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจะเปลี่ยนบ้านของคุณให้กลายเป็นพื้นที่สะอาด สดชื่น และมีอากาศบริสุทธิ์ เหมาะสำหรับการพักผ่อนและการใช้ชีวิตประจำวันที่สุขสบายอย่างแท้จริง

ขายบ้าน ที่ดิน

Subscribe
Notify of
guest
1 Comment
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments

บทความใกล้เคียง

ติดต่อเรา