กระเบื้องยางเป็นวัสดุปูพื้นที่ผลิตจาก PVC (Poly Vinyl Chloride) ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อแรงกดทับและแรงกระแทกได้ดี นอกจากนี้ยังมีความหนืดที่ช่วยลดอุบัติเหตุจากการลื่นไถล มีสีสันและลวดลายให้เลือกมากมาย เช่น ลายไม้ ลายหิน เป็นต้น
ประเภทของกระเบื้องยาง
กระเบื้องยางสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก
- กระเบื้องยางที่ผลิตจากยางธรรมชาติ : ทำจากยางพารา มีความเหนียวและยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อการใช้งานและการฉีกขาดได้ดี
- กระเบื้องยางที่ผลิตจากโพลิเมอร์ : มีทั้งโพลียูรีเทนและพีวีซี โดยโพลียูรีเทนจะมีคุณสมบัติดีกว่าในด้านความเหนียวและทนทานต่อการฉีกขาด
คุณสมบัติของกระเบื้องยาง
กระเบื้องยางมีคุณสมบัติเด่นหลายประการ
- ทนทานและยืดหยุ่น : รองรับแรงกระแทกได้ดี
- กันลื่น : มีความหนืดที่ช่วยลดการลื่นไถล
- ทนต่อความชื้นและน้ำ : ไม่เกิดปัญหาจากการเปียกน้ำ
- ทำความสะอาดง่าย : ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดได้ง่าย
- ทนต่อรอยขีดข่วน : มีชั้นป้องกันการขีดข่วน
โครงสร้างของกระเบื้องยาง
กระเบื้องยางมีโครงสร้างหลายชั้นที่มีคุณสมบัติต่างกันไป
- UV Coating : ชั้นบนสุดที่เคลือบด้วย PU ป้องกันน้ำและแสงแดด
- Wear Layer : ชั้นกันสึก ป้องกันการขีดข่วน
- Print Layer : ชั้นฟิล์มลาย แสดงลวดลายและสีของกระเบื้อง
- Middle Layer : ชั้นกลางหรือชั้นไวนิล ทำจาก PVC เพิ่มความทนทาน
- Base Layer : ชั้นฐาน ลดการยืดหดและเพิ่มการยึดเกาะ
ประโยชน์ของกระเบื้องยาง
1. ความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน
กระเบื้องยางมีความทนทานสูง สามารถทนต่อการใช้งานหนักและการกระแทกได้ดี ทำให้เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก เช่น โรงยิม โรงเรียน และโรงพยาบาล อายุการใช้งานของกระเบื้องยางสามารถยาวนานถึง 20 ปีหรือมากกว่านั้น
2. ความปลอดภัย
กระเบื้องยางมีคุณสมบัติกันลื่น ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการลื่นล้ม นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นที่ช่วยลดแรงกระแทกและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
3. การบำรุงรักษาง่าย
กระเบื้องยางทำความสะอาดง่าย เพียงแค่กวาดหรือถูด้วยน้ำและสบู่อ่อน ๆ ก็สามารถรักษาความสะอาดได้ นอกจากนี้ยังมีความต้านทานต่อเชื้อราและแบคทีเรีย ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้
4. ลดเสียงรบกวน
กระเบื้องยางมีคุณสมบัติในการดูดซับเสียง ทำให้ลดเสียงรบกวนในห้องหรือระหว่างชั้นต่าง ๆ ของอาคารได้ดี เหมาะสำหรับใช้ในโรงเรียน โรงยิม และสำนักงาน
5. ความสะดวกสบาย
กระเบื้องยางมีความยืดหยุ่นและนุ่มนวล ทำให้เดินหรือยืนบนพื้นได้นานโดยไม่รู้สึกเมื่อยล้า จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องยืนหรือเดินนาน ๆ เช่น โรงพยาบาลและสำนักงาน
6. ความหลากหลายในดีไซน์
กระเบื้องยางมีหลายรูปแบบ สี และลวดลาย สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับการตกแต่งภายในต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว
7. ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
กระเบื้องยางสามารถผลิตจากยางธรรมชาติหรือยางรีไซเคิล ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดขยะ นอกจากนี้ยังไม่ต้องใช้สารเคมีรุนแรงในการทำความสะอาด
ข้อควรพิจารณา
แม้ว่ากระเบื้องยางจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ควรพิจารณา เช่น ราคาที่สูงกว่าพื้นประเภทอื่น ๆ และการติดตั้งที่อาจต้องการความชำนาญพิเศษ
การดูแลรักษากระเบื้องยาง
การดูแลรักษากระเบื้องยางเพื่อให้คงทนและสวยงาม:
- หลังปูเสร็จ : รอให้กาวแห้งสนิทก่อนทำความสะอาด
- ทำความสะอาด : กวาดด้วยขนนุ่มและใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด
- ป้องกันรอยขีดข่วน : หลีกเลี่ยงการขัดถูแรง ๆ และใช้แผ่นรองเฟอร์นิเจอร์
กระเบื้องยางมีระยะเวลาการใช้งานเท่าไหร่
กระเบื้องยางมีระยะเวลาการใช้งานที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คุณภาพของวัสดุ การติดตั้ง และการดูแลรักษา โดยทั่วไปแล้วอายุการใช้งานของกระเบื้องยางมีดังนี้
- หากดูแลรักษาอย่างดี กระเบื้องยางสามารถมีอายุการใช้งานได้ประมาณ 7-10 ปี
- กระเบื้องยางที่มีคุณภาพดีและติดตั้งอย่างถูกวิธีสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 10-15 ปี
- กระเบื้องยางชนิด SPC (Stone Plastic Composite) ซึ่งมีความทนทานสูงสามารถมีอายุการใช้งานได้ถึง 25-30 ปี ขึ้นอยู่กับความหนาของชั้นเคลือบและการดูแลรักษา
การดูแลรักษาเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของกระเบื้องยาง เช่น การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ การหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้นสูง และการป้องกันกระเบื้องจากการถูกกระแทกหรือขูดขีดจากของมีคม
การติดตั้งกระเบื้องยาง
การติดตั้งกระเบื้องยางเป็นกระบวนการที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง หากมีการเตรียมพื้นผิวและอุปกรณ์ที่เหมาะสม รวมถึงการปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง นี่คือขั้นตอนหลักในการติดตั้งกระเบื้องยาง
ขั้นตอนการติดตั้งกระเบื้องยาง
1. การเตรียมพื้นผิว
- ตรวจสอบพื้นผิว : พื้นที่ที่จะติดตั้งกระเบื้องยางต้องเรียบ แข็ง แห้ง และสะอาด หากมีรอยแตกหรือหลุมบ่อ ควรซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อน
- ความชื้น : ตรวจสอบความชื้นของพื้น โดยวางภาชนะคว่ำลงบนพื้นและวางวัสดุที่มีน้ำหนักทับไว้ประมาณ 1 คืน หากมีไอน้ำเกาะภายในภาชนะ แสดงว่าพื้นมีความชื้น ไม่เหมาะที่จะติดตั้งกระเบื้องยาง.
2. การเตรียมอุปกรณ์
- กาวขาวสำหรับปูพื้น
- มีดคัตเตอร์
- ตลับเมตร
- ลูกกลิ้ง 30 – 50 กิโลกรัม
- กาวยาง
- เหล็กแซะ
- หินขัดพื้นชนิดหยาบ
- พัดลม
- ไม้กวาด
- เชือกตีฝุ่นคลุก
- เกรียงลงกาว
- ไม้ม็อบถูพื้น
3. การจับแนว
- สำหรับห้องขนาดเล็ก ให้เริ่มจากประตูเข้าไป ส่วนห้องใหญ่ให้เริ่มจากแนวกลางห้อง โดยกำหนดเส้นแนวขนานกับกำแพงหลักเพื่อให้การติดตั้งกระเบื้องยางออกมาสวยงามและมีขนาดเฉลี่ยเท่ากัน
4. การลงกาว
- คนกาวในถังให้ผสมทั่วกันก่อน แล้วเทกาวลงบนพื้นครั้งละประมาณ 1-2 กิโลกรัม ใช้เกรียงที่เซาะร่องฟันปลาปาดกาวให้สม่ำเสมอ ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาทีจนกาวแห้งหมาดๆ ใช้นิ้วแตะดูว่ากาวไม่ติดนิ้วแล้วจึงเริ่มติดตั้งกระเบื้องยาง
5. การติดตั้งกระเบื้องยาง
- ติดตั้งกระเบื้องยางตามแนวเส้นที่กำหนดไว้ โดยติดตั้งเป็นลายขัด มุมกระเบื้องยางทุกแผ่นต้องติดสนิทกับพื้น หากกระเบื้องยางแผ่นที่ติดกำแพงไม่พอดี ให้ตัดด้วยมีดคัตเตอร์ และเมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ให้ใช้ลูกกลิ้งน้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม กลิ้งบดทับให้ทั่ว
6. การติดบัวเชิงผนัง
- เริ่มติดตั้งบัวเชิงผนังจากมุมใดมุมหนึ่งของห้อง ตัดต่อกันเป็นมุม 45 องศา ทากาวยางลงบนบัวด้านที่มีร่อง และรอให้แห้งประมาณ 10-20 นาที ก่อนติดตั้งเส้นต่อไป
7. การเก็บขอบและตัวจบขั้นบันได
- ติดตั้งจมูกยางบริเวณจบกระเบื้องยางกับพื้นที่ต่างระดับ หรือรอบขอบบันไดเพื่อป้องกันการลื่น ตัดต่อกันเป็นมุม 45 องศา และทากาวยางบริเวณที่จะติดตั้ง
8. หลังจากติดตั้งกระเบื้องยางเสร็จ
- ไม่ควรใช้น้ำล้างทำความสะอาดทันที ควรปล่อยให้กาวแห้งก่อนสัก 2-3 วัน ห้ามเคลื่อนย้ายของหนักภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ และควรเปิดประตูและหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท
การติดตั้งกระเบื้องยางด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยาก หากปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้องและระมัดระวัง จะสามารถได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและทนทานต่อการใช้งานได้ยาวนาน
สรุป
กระเบื้องยางเป็นวัสดุปูพื้นที่มีคุณสมบัติหลากหลายและเหมาะกับการใช้งานในหลายบริเวณ มีความทนทาน ยืดหยุ่น และทำความสะอาดง่าย การติดตั้งก็ไม่ยุ่งยาก ทั้งยังมีลวดลายและสีสันให้เลือกมากมาย อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาประโยชน์และข้อเสียก่อนตัดสินใจเลือกใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับบ้านของคุณ