ดับกลิ่นตู้เย็น เปลี่ยนตู้เย็นเหม็นให้หอมสดชื่นใน 5 นาที

ดับกลิ่นตู้เย็น

การดับกลิ่นตู้เย็นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาความสะอาดและความสดชื่นภายในบ้าน ตู้เย็นที่มีกลิ่นเหม็นไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเปิดใช้งาน แต่ยังอาจส่งผลต่อรสชาติและคุณภาพของอาหารที่เก็บไว้ด้วย สาเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เย็นมักเกิดจากอาหารที่เน่าเสียหรือการสะสมของแบคทีเรีย การกำจัดกลิ่นเหล่านี้สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีธรรมชาติที่สามารถหาได้จากสิ่งของในบ้าน 

เช่น ถ่านไม้ดำที่มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่น เมล็ดกาแฟที่ช่วยลดกลิ่นอับ หรือเบกกิ้งโซดาที่สามารถใช้ทั้งในการดูดซับกลิ่นและทำความสะอาดพื้นผิว วิธีเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ตู้เย็นกลับมาหอมสดชื่นได้ในเวลาเพียง 5 นาที แต่ยังเป็นวิธีที่ปลอดภัยและประหยัดอีกด้วย การดูแลรักษาตู้เย็นให้ปลอดกลิ่นเหม็นจึงเป็นเรื่องง่ายหากเราเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสม

รู้สาเหตุของกลิ่นตู้เย็น ก่อนดับกลิ่น

กลิ่นเหม็นในตู้เย็นสามารถเกิดจากหลายสาเหตุที่ต้องระวังเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. อาหารเน่าเสีย : อาหารที่เก็บไว้นานเกินไป เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล นม ไข่ ผัก และผลไม้ สามารถเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็นได้
  2. การเก็บอาหารไม่ถูกวิธี : การเก็บอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น เครื่องแกง หรือกะปิ โดยไม่ปิดฝาให้สนิท อาจทำให้กลิ่นกระจายไปทั่วตู้เย็น
  3. ความชื้นสะสม : ความชื้นในตู้เย็นที่มากเกินไปสามารถทำให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็น
  4. การทำความสะอาดไม่เพียงพอ : ตู้เย็นที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอจะสะสมสิ่งสกปรกและเศษอาหาร ซึ่งเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและแบคทีเรีย
  5. อุปกรณ์ภายในตู้เย็นเสียหาย : เช่น ถาดรองน้ำแข็งหรือช่องเก็บไข่ หากชำรุดหรือรั่วซึมก็อาจทำให้เกิดความชื้นและกลิ่นเหม็นได้

7 วิธีดับกลิ่นตู้เย็นที่บ้านทุกหลังควรรู้

การจัดการกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เย็นสามารถทำได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ใช้ของใกล้ตัว ดังนี้

  1. ถ่านไม้ดำ : วางถ่านไม้ดำ 2-3 ก้อนในตู้เย็น ถ่านจะดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี ควรเปลี่ยนทุกเดือน
  2. เมล็ดกาแฟหรือกากกาแฟ : ใส่เมล็ดหรือกากกาแฟในถุงพลาสติก เจาะรูเล็ก ๆ แล้ววางในตู้เย็น กาแฟจะช่วยดูดซับกลิ่น
  3. กระดาษทิชชู่หรือหนังสือพิมพิ์ : วางกระดาษทิชชู่หรือหนังสือพิมพ์ในตู้เย็นเพื่อดูดกลิ่น ควรเปลี่ยนทุก 2 วัน
  4. ใบชาแห้ง : ใส่ใบชาแห้งในถุงตาข่ายหรือห่อด้วยผ้าบาง ๆ แล้ววางไว้ในตู้เย็น ใบชาจะช่วยดูดซับกลิ่น
  5. เบกกิ้งโซดา : เทเบกกิ้งโซดาใส่ถ้วยเล็ก ๆ แล้ววางไว้ในตู้เย็น เบกกิ้งโซดาจะดูดซับกลิ่นและมีอายุการใช้งานนานถึง 6 เดือน
  6. มะนาว : ผ่ามะนาวครึ่งลูกแล้ววางไว้ในตู้เย็น หากตู้เย็นมีขนาดใหญ่สามารถใช้มะนาว 2 ลูกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับกลิ่น
  7. น้ำส้มสายชู : ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าแล้วฉีดให้ทั่วภายในตู้เย็น จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดออก น้ำส้มสายชูจะช่วยลดกลิ่นเหม็น
วิธีดูแลตู้เย็นให้สะอาด

วิธีดูแลตู้เย็นให้สะอาด เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่น

การดูแลตู้เย็นให้สะอาดและปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ดังนี้

  1. ทำความสะอาดตู้เย็นบ่อยๆ : การทำความสะอาดตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดการหมักหมมของกลิ่นและเชื้อโรค โดยเริ่มจากการทิ้งอาหารที่เน่าเสียหรือหมดอายุ จากนั้นถอดปลั๊กตู้เย็นและใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานเช็ดทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกตู้เย็น รวมถึงชั้นวางต่าง ๆ
  2. ใช้เบกกิ้งโซดา : ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำอุ่นแล้วใช้ผ้าชุบเช็ดภายในตู้เย็น เบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นได้ดี
  3. วางถ่านไม้หรือกากกาแฟ : วางถ่านไม้หรือกากกาแฟในภาชนะเล็กๆ แล้วนำไปวางในตู้เย็น ถ่านและกาแฟมีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์
  4. ระบายอากาศในตู้เย็น : เปิดประตูตู้เย็นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้กลิ่นกระจายออกไป สามารถเปิดหน้าต่างหรือใช้พัดลมช่วยเพิ่มการระบายอากาศได้

วิธียืดอายุตู้เย็นให้อยู่กับเรานาน ๆ 

การยืดอายุตู้เย็นให้ใช้งานได้นานและมีประสิทธิภาพสูงสุดสามารถทำได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้:

  1. ทำความสะอาดตู้เย็นเป็นประจำ : ควรทำความสะอาดตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการสะสมของคราบและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อคุณภาพของอาหาร
  2. จัดวางอาหารอย่างเหมาะสม : ไม่ควรวางอาหารแน่นเกินไปในตู้เย็น เพราะจะขัดขวางการไหลเวียนของความเย็น ควรเว้นช่องว่างระหว่างอาหารแต่ละชิ้น
  3. ปิดประตูตู้เย็นให้สนิท : การปิดประตูตู้เย็นให้สนิททุกครั้งหลังใช้งานจะช่วยป้องกันไม่ให้ความเย็นรั่วไหลออกจากตัวตู้เย็น
  4. ตั้งอุณหภูมิตู้เย็นให้เหมาะสม : ควรตั้งอุณหภูมิที่ประมาณ 4 องศาเซลเซียส และช่องแช่แข็งที่ -18 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาคุณภาพของอาหารและประหยัดพลังงาน
  5. หลีกเลี่ยงการนำของร้อนเข้าตู้เย็น : การนำของร้อนเข้าตู้เย็นจะทำให้อุณหภูมิภายในเพิ่มขึ้น ระบบต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อคืนความเย็น
  6. เว้นระยะห่างระหว่างตู้เย็นกับผนัง : ควรมีพื้นที่โล่งโปร่งรอบ ๆ ตู้เย็นเพื่อให้มีการระบายอากาศที่ดี โดยควรเว้นระยะห่างจากผนังด้านหลังประมาณ 5-10 ซม.
  7. ตรวจสอบขอบยางประตูตู้เย็น : ขอบยางที่ดีจะช่วยปิดผนึกความเย็นไว้ภายใน ควรตรวจสอบและเปลี่ยนเมื่อเสื่อมสภาพ

ดับกลิ่นตู้เย็นอย่างมืออาชีพด้วยเบกกิ้งโซดาและมะนาว

การดับกลิ่นตู้เย็นด้วยเบกกิ้งโซดาและมะนาวเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดตู้เย็น นำอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดออกจากตู้เย็น จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นผสมน้ำสบู่เล็กน้อยเช็ดทำความสะอาดภายในตู้เย็นให้ทั่ว รวมถึงถอดชั้นวางและลิ้นชักออกมาล้างด้วยน้ำอุ่นหลังจากทำความสะอาดแล้ว ให้วางเบกกิ้งโซดาในภาชนะเปิดฝาเล็ก ๆ แล้ววางไว้ในตู้เย็น 

เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี ควรเปลี่ยนเบกกิ้งโซดาทุก 3 เดือนเพื่อรักษาประสิทธิภาพนอกจากนี้ การใช้มะนาวก็เป็นอีกวิธีที่ดีในการเพิ่มความสดชื่นให้กับตู้เย็น เพียงแค่หั่นมะนาวออกเป็นชิ้นๆ แล้ววางไว้ในจานเล็ก ๆ ใส่ไว้ในตู้เย็น กลิ่นหอมสดชื่นของมะนาวจะช่วยกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

การดับกลิ่นตู้เย็นไม่ใช่เรื่องยาก หากเราเข้าใจถึงสาเหตุและเลือกใช้วิธีที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถ่านไม้ดำ เมล็ดกาแฟ หรือเบกกิ้งโซดา วิธีเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากจะช่วยให้ตู้เย็นกลับมาหอมสดชื่นแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอาหารในตู้เย็นอีกด้วย 

การดูแลรักษาความสะอาดและความสดชื่นของตู้เย็นที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพียงแค่ใช้เวลาไม่นาน เราก็สามารถเปลี่ยนตู้เย็นเหม็นให้กลับมาหอมสดชื่นได้อย่างง่ายดาย การดับกลิ่นตู้เย็นจึงเป็นเรื่องง่ายและสามารถทำได้ด้วยตัวเองในทุกๆ บ้าน

ซื้อขาย บ้าน คอนโด
Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments

บทความใกล้เคียง

ติดต่อเรา