เป็นเจ้าบ้าน 2 หลังได้ไหม สำหรับคนที่มีบ้านหลายหลัง อยากรู้มาหาคำตอบกัน

เป็นเจ้าบ้าน 2 หลังได้ไหม

การเป็นเจ้าบ้านมีความหมายทางกฎหมายว่าการครอบครองทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ของเจ้าบ้านนั้น ๆ การที่มีบ้านหลายหลังไม่ได้หมายความว่าเป็นเจ้าบ้านหลายที่ แต่ทะเบียนบ้านจะระบุถึงที่ตั้งของทรัพย์สินในที่นั้น ๆ และในทะเบียนบ้านฉบับเดียวเท่านั้นที่ชื่อของเจ้าบ้านจะถูกนำเข้าไปในระบบทะเบียน ดังนั้น คำตอบว่า “เป็นเจ้าบ้าน 2 หลังได้ไหม” คือ ไม่ได้ แม้ว่าบ้านหลายหลังอาจมีในความครอบครอง แต่ในทะเบียนบ้านจะมีเพียงหนึ่งฉบับเท่านั้น

นักลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ และบุคคลที่สนใจที่จะเป็นเจ้าบ้านหลายที่หรือต้องการซื้อบ้าน สามารถใช้ชื่อของญาติ เช่น พ่อแม่ พี่น้อง ในทะเบียนบ้านของที่ตั้งทรัพย์สินเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งทำได้โดยการใช้ชื่อฐานะเจ้าบ้านหรือผู้ดูแลบ้าน แต่ต้องระวังว่าไม่อนุญาตให้บุคคลเดียวกันมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านมากกว่าหนึ่งฉบับในเวลาเดียวกัน เพื่อป้องกันการกระทบต่อบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

สำหรับความแตกต่างระหว่าง “เจ้าของบ้าน” และ “เจ้าบ้าน” ที่ถูกระบุในทะเบียนบ้าน นั้นอยู่ที่พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พศ 2538 ที่อธิบายไว้ให้เข้าใจถึงบทบาทของทั้งสองคำนี้ว่ามีความหมายแตกต่างกันอย่างไร และคำว่า “เจ้าบ้าน” ในทะเบียนบ้านจะมีความหมายเฉพาะทางทรัพย์สินที่อยู่ในขอบเขตที่ระบุไว้ โดยไม่ใช่การครอบครองที่ทั่วถึงในที่นั้น

เจ้าบ้านในทะเบียนบ้านและเจ้าของบ้านมีความแตกต่างกันตามความหมายทางกฎหมายในที่ตั้งนั้น ๆ โดยมีคำจำกัดความดังนี้

“เจ้าบ้าน” หมายถึง ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครองบ้าน ไม่ว่าจะเป็นฐานะเป็นเจ้าของทรัพย์สิน, ผู้เช่า, หรือในฐานะอื่น ๆ ที่รับผิดชอบในการดูแลบ้านนั้น ๆ ในกรณีที่ไม่มีเจ้าบ้านปรากฎหรือไม่อยู่ เช่น เจ้าบ้านได้เสียชีวิต, สูญหาย, หรือไม่สามารถปฏิบัติกิจการได้ ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลบ้านในขณะนั้นจะถูกพิจารณาเป็นเจ้าบ้าน

“เจ้าของบ้าน” หมายถึง เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่มีชื่อในโฉนดที่ดินหรือสัญญาซื้อขายตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั่นคือ ผู้ที่ถือกรรมสิทธิ์, หรือมีอำนาจในการใช้สอย จ่ายเงิน, จำหน่าย, ปล่อยเช่า, และดอกผลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้น ๆ ซึ่งมีการจดทะเบียนในทะเบียนบ้าน

ในกรณีที่บุคคลหนึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่มีหลายหลัง เขาไม่สามารถเป็นเจ้าบ้านเองได้ทุกหลัง แต่สามารถมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านได้เพียงที่เดียว ส่วนบ้านที่เหลือจะต้องมีการแต่งตั้งเจ้าบ้านเพื่อดูแลการย้ายเข้าและย้ายออกของผู้อยู่อาศัยภายในบ้านนั้น ๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ในทะเบียนราษฎร

สิทธิของเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านมีหลายประการตามกฎหมายทะเบียนราษฎร พศ 2534 ซึ่งรวมถึงบทบาทและหน้าที่ที่ผู้เป็นเจ้าบ้านต้องปฏิบัติต่อนายทะเบียน ดังนี้

1. การแจ้งเกิด

  • เจ้าบ้านต้องแจ้งให้ทราบถึงการเกิดในครอบครัวภายใน 15 วันนับจากวันที่เกิดขึ้น

2. การแจ้งย้ายเข้า-ออก

  • เมื่อมีการย้ายเข้าหรือออกจากที่อยู่ปัจจุบัน, เจ้าบ้านต้องแจ้งให้ทราบภายใน 15 วัน

3. การแจ้งสร้างบ้านใหม่หรือรื้อถอน

  • เมื่อมีการสร้างบ้านใหม่หรือรื้อถอนบ้านที่มีทะเบียน, เจ้าบ้านต้องแจ้งให้ทราบภายใน 15 วัน

4. การขอเลขที่บ้าน

  • เจ้าบ้านต้องแจ้งขอเลขที่บ้านให้ทราบ

5. การแจ้งตาย

  • เมื่อมีการเสียชีวิต, เจ้าบ้านต้องแจ้งให้ทราบภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่เวลาตายหรือพบศพ

6. การมอบอำนาจ

  • หากเจ้าบ้านมีกิจธุระไม่สามารถมาแจ้งด้วยตนเอง, สามารถมอบอำนาจให้สมาชิกภายในบ้านเข้ามาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้

การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่กำหนดไว้ในทะเบียนราษฎรสามารถทำให้เจ้าบ้านต้องเสียค่าปรับ 1,000 บาทต่อครั้งที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย การปฏิบัติตามข้อบังคับเหล่านี้จะช่วยให้ทะเบียนบ้านมีข้อมูลที่ถูกต้องและทันท่วงที และช่วยสนับสนุนกระบวนการทะเบียนราษฎรให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยและเป็นระบบ

ขั้นตอนการขอทะเบียนบ้านสำหรับมือใหม่ 

1. เข้าใจข้อมูลเบื้องต้น

  • ทำความเข้าใจกับข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับทะเบียนบ้านและสิทธิ์ที่เกี่ยวข้อง

2. เตรียมเอกสาร

  • ตรวจสอบเอกสารที่จำเป็น เช่น บัตรประชาชน, ทะเบียนสมรส, ทะเบียนบ้านของคู่สมรส, และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

3. ติดต่อที่ทำการทะเบียนราษฎร

  • นัดหรือเดินทางไปที่ทำการทะเบียนราษฎรในพื้นที่ที่อยู่ และขอคำแนะนำเพื่อเข้าใจขั้นตอนการขอทะเบียนบ้าน

4. กรอกแบบคำขอทะเบียนบ้าน

  • กรอกแบบคำขอทะเบียนบ้าน พร้อมเอกสารที่เตรียมไว้

5. รอการตรวจสอบ

  • รอให้ทำการตรวจสอบข้อมูลและเอกสารที่คุณเสนอ

6. รับทะเบียนบ้าน

  • หลังจากที่ข้อมูลถูกต้องและครบถ้วน, คุณจะได้รับทะเบียนบ้านของคุณ
  • เจ้าบ้านเป็นเจ้าของบ้าน กรรมสิทธิ์ในทะเบียนบ้านถูกกำหนดให้เจ้าของบ้านเป็นผู้มีสิทธิ์คัดชื่อคนออก
  • คนในทะเบียนบ้าน ทางกฎหมายกำหนดให้เจ้าของบ้านเป็นผู้มีสิทธิคัดชื่อคนในทะเบียนบ้านได้ แต่ต้องเป็นการที่มีความเกี่ยวข้องเท่านั้น เช่น คู่สมรส, บุตร, ญาติซึ่งต้องมีการยินยอม
  • เจ้าบ้านไม่มีสิทธิ หากเจ้าบ้านไม่มีสิทธิคัดชื่อคนในทะเบียนบ้านได้ ยกเว้นกรณีที่ชื่อเจ้าบ้านเป็นชื่อเดียวกับเจ้าของบ้าน

การแบ่งแยกสิทธิ์ในทะเบียนบ้านมีขั้นตอนและเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งควรปรึกษาที่ทำการทะเบียนราษฎรเพื่อข้อมูลที่ถูกต้องและเพิ่มเติม

เมื่อเจ้าบ้านหายตัวหรือเสียชีวิตและได้ระบุชื่อในทะเบียนบ้าน กรรมสิทธิ์จะถูกสืบทอดตามกฎหมายระหว่างชีวิตหรือหลังเสียชีวิตด้วยกระบวนการทางสามัญ โดยทั่วไปแล้ว

1. เจ้าบ้านหายตัว

  • หากเจ้าบ้านหายตัวและไม่ปรากฎอยู่มากกว่า 180 วัน สามารถไปแจ้งสำนักงานเขตที่เป็นพื้นที่ที่บ้านตั้งอยู่ เพื่อทำการแก้ไขทะเบียนบ้าน โดยสามารถคัดชื่อเจ้าบ้านออกจากทะเบียนบ้านได้ และมีสิทธิทำการคัดชื่อเจ้าบ้านใหม่

2. เจ้าบ้านเสียชีวิต

  • หากเจ้าบ้านเสียชีวิต กรรมสิทธิ์จะถูกรับโดยกฎหมายการสืบทอดมรณกรรม โดยมักจะไปสู่คู่สมรสหรือบุตรก่อน และหากไม่มีคู่สมรสหรือบุตร จะไปสู่ญาติอื่น ๆ ตามลำดับ

3. การคัดชื่อเจ้าบ้าน

  • เมื่อเจ้าบ้านเสียชีวิตและต้องการคัดชื่อเจ้าบ้านไปทะเบียนบ้านใหม่ สมาชิกในบ้านสามารถไปที่สำนักงานเขตเพื่อทำการแก้ไขทะเบียนบ้าน โดยต้องมีความเห็นชอบของสมาชิกในบ้าน

การคัดชื่อเจ้าบ้านในกรณีเจ้าบ้านหายตัวหรือเสียชีวิตเป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อให้ข้อมูลในทะเบียนบ้านมีความถูกต้องและทันสมัย ควรปรึกษากับเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎรในพื้นที่เพื่อข้อมูลและแนวทางที่ถูกต้อง

ซื้อขายคอนโด

ชื่อในทะเบียนบ้านไม่สามารถปล่อยว่างได้ตามกฎหมายทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 ที่ระบุว่า บุคคลคนหนึ่งต้องมีภูมิลำเนาได้เพียงภูมิลำเนาเดียวเท่านั้น ไม่อนุญาตให้มีชื่อในทะเบียนบ้านมากกว่าหนึ่งที่อยู่ในเวลาเดียวกัน ดังนั้น หากไม่สามารถหาชื่อญาติ พ่อแม่ พี่น้อง มาใส่ในทะเบียนบ้านได้ ไม่สามารถปล่อยว่างได้ และจะต้องทำการเพิ่มชื่อผู้ที่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในทะเบียนบ้านตามข้อกำหนด

ในกรณีที่ท่านต้องการขายอสังหาริมทรัพย์และต้องการได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะตามกฎหมาย ท่านจะต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า 1 ปี นับแต่วันได้มา ถ้าท่านที่ขายไปไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ท่านจะไม่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะตามกฎหมาย และต้องเสียภาษีตามที่กำหนด การปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อทะเบียนราษฎรและภาษีเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายในอนาคต

การแจ้งชื่อย้ายออกหรือย้ายเข้าทะเบียนบ้านทำได้โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

การแจ้งย้ายออกทะเบียนบ้าน

1. เตรียมเอกสาร

  • สำเนาทะเบียนบ้าน (ฉบับเจ้าบ้าน)
  • บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน
  • หนังสือมอบหมายจากเจ้าบ้าน (กรณีผู้แจ้งย้ายไม่ใช่เจ้าบ้าน)
  • บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้าน (กรณีมอบหมาย)
  • บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ย้ายที่อยู่ (กรณีแจ้งย้ายที่อยู่ของตนเอง)

2. ยื่นเอกสารที่นายทะเบียนท้องที่

  • นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นที่นายทะเบียนท้องที่ของทะเบียนบ้านเดิม และรอการตรวจสอบ

3. การตรวจสอบและการประทับ “ย้าย”

  • นายทะเบียนท้องที่จะตรวจสอบเอกสารและทำการประทับ “ย้าย” บนทะเบียนบ้าน

4. รับเอกสารแจ้งย้ายออก

  • หลังจากที่ทำการประทับ “ย้าย” เสร็จเรียบร้อย, คุณจะได้รับเอกสารแจ้งย้ายออก

การแจ้งย้ายเข้าทะเบียนบ้าน

1. เตรียมเอกสาร

  • สำเนาทะเบียนบ้าน (ฉบับเจ้าบ้าน)
  • บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน
  • หนังสือมอบหมายจากเจ้าบ้าน (กรณีผู้แจ้งย้ายไม่ใช่เจ้าบ้าน)
  • บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้าน (กรณีมอบหมาย)
  • บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ย้ายที่อยู่ (กรณีแจ้งย้ายที่อยู่ของตนเอง)

2. ยื่นเอกสารที่นายทะเบียนท้องที่

  • นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นที่นายทะเบียนท้องที่ของทะเบียนบ้านที่ต้องการย้ายเข้า และรอการตรวจสอบ

3. การตรวจสอบและการประทับ “ย้าย”

  • นายทะเบียนท้องที่จะตรวจสอบเอกสารและทำการประทับ “ย้าย” บนทะเบียนบ้าน

4. รับเอกสารแจ้งย้ายเข้า

  • หลังจากที่ทำการประทับ “ย้าย” เสร็จเรียบร้อย คุณจะได้รับเอกสารแจ้งย้ายเข้า

การแจ้งย้ายทะเบียนบ้านคือกระบวนการสำคัญเพื่อให้ข้อมูลทะเบียนบ้านมีความถูกต้องและทันสมัย ควรปรึกษากับเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎรในพื้นที่เพื่อข้อมูลและแนวทางที่ถูกต้อง

Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments

บทความใกล้เคียง

ติดต่อเรา