การเช็คเงินคืนภาษีและการตรวจสอบคืนภาษีให้แน่ใจว่ามีสิทธิ์รับเงินคืนเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำให้ดีที่สุด เนื่องจากเงินคืนภาษีเป็นสิ่งที่สำคัญในการเพิ่มรายได้และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในทุก ๆ ปี การเข้าใจเกี่ยวกับเงินคืนภาษีมีความสำคัญอย่างมาก เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเงินคืนภาษีเบื้องต้นกัน
เงินคืนภาษีคืออะไร ?
เงินคืนภาษี คือจำนวนเงินที่คุณได้รับคืนจากภาษีที่คุณจ่ายมากเกินไปในช่วงปีภาษีที่ผ่านมา หากคุณมีรายได้และได้จ่ายภาษีมากเกินไป คุณจะมีสิทธิ์ในการขอเงินคืนภาษี
ใครสามารถขอเงินคืนภาษีได้บ้าง ?
ในทุกปีที่มีรายได้ทุกคนจะต้องยื่นภาษี แต่ไม่ทุกคนมีสิทธิ์รับเงินคืนภาษี มีเงื่อนไขบางอย่างที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น จำนวนเงินได้สุทธิที่ต้องหักภาษีเกินกว่าที่ต้องจ่าย การเลี้ยงดูบุตร หรือการส่งเงินให้กับองค์กรที่ได้รับการสนับสนุนภาษี โดยทั่วไปแล้วผู้ที่มีรายได้สุทธิมากกว่า 150,000 บาทต่อปีจะมีโอกาสมากขึ้นที่จะมีสิทธิ์รับเงินคืนภาษี
การตรวจสอบคืนภาษีเป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับเงินคืนที่คุณสามารถขอได้ตามกฎหมาย หากคุณมั่นใจว่าคุณมีสิทธิ์รับเงินคืนภาษี คุณสามารถยื่นเรื่องขอเงินคืนภาษี รีไฟแนนซ์บ้าน ได้ทันทีในช่วงเวลาที่กำหนดโดยกฎหมาย อย่าลืมตรวจสอบเงินคืนภาษีของคุณเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับสิทธิ์ที่คุณควรได้รับและไม่พลาดโอกาสในการเพิ่มรายได้ของคุณในปีถัดไป
การขอเงินคืนภาษีจากกรมสรรพากรมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- เข้าสู่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร: https://www.rd.go.th/272.html
- คลิกที่เมนู “สอบถามการคืนภาษี”
- กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มให้ครบถ้วน
- คลิกที่ปุ่ม “สอบถาม”
ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ เหล่านี้ คุณสามารถยื่นคำขอเงินคืนภาษีได้แบบสะดวกสบายโดยไม่ต้องเสียเวลาหรือความยุ่งยากในการดำเนินการ อย่าลืมกรอกข้อมูลให้ถูกต้องและครบถ้วนเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการในภายหลัง
การเช็คเงินคืนภาษีและการขอคืนภาษีจากกรมสรรพากรสามารถทำได้ในช่วงเวลา 2 ช่วง
- การยื่นขอเช็คเงินคืนภาษีระหว่างที่ยังไม่หมดเวลายื่นภาษี : หลังจากที่คุณทำการยื่นแบบฯ เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถยื่นขอเช็คเงินคืนภาษีได้ทันที โดยทางกรมสรรพากรจะทำการคืนเงินภาษีให้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน
- การยื่นขอเช็คเงินคืนภาษีหลังจากหมดเวลายื่นภาษี : หากคุณลืมยื่นเรื่องขอเงินคืนภาษีหลังจากที่ทำการยื่นภาษีไปเรียบร้อยแล้ว คุณยังสามารถทำเรื่องขอเช็คเงินคืนภาษีย้อนหลังได้ โดยระยะเวลาขอคืนเงินภาษีต้องไม่เกิน 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดการยื่นภาษี
ดังนั้น คุณสามารถดำเนินการเช็คเงินคืนภาษีได้อย่างเร่งด่วนหรือย้อนหลังได้ตามความเหมาะสมและตามกฎหมายที่กำหนดไว้ โดยไม่ควรปล่อยให้โอกาสเพิ่มเติมนี้ผ่านไปโดยไม่ใช้งาน
การขอรับเงินคืนภาษีสามารถทำผ่านช่องทางต่าง ๆ
- บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวบัตรประชาชน : หากคุณมีบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวบัตรประชาชน 13 หลัก คุณสามารถรับเงินคืนภาษีผ่านช่องทางนี้ได้
- บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) : หากคุณมีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารกรุงไทยหรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) คุณสามารถรับเงินคืนภาษีผ่านบัญชีนี้ได้
- การรับเช็คและหนังสือคำร้องเพื่อรับเงินคืนภาษี : สำหรับผู้ที่ไม่สามารถลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก กรมสรรพากรจะออกหนังสือคำร้องเพื่อรับเงินคืนภาษีพร้อมเช็ค และจะจัดส่งทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ที่ระบุในแบบแสดงรายการ โดยเงินจะถูกนำเข้าบัญชีเงินฝากที่สาขาของธนาคารเท่านั้น
สำหรับผู้ที่ยื่นภาษีไปแล้ว และมีเงินคืนจากการหัก ณ ที่จ่าย แต่ยังไม่ได้รับเช็คคืนภาษีจากกรมสรรพากร สามารถตรวจสอบการยื่นภาษีได้ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร โดยสามารถตรวจสอบได้ว่าเงินคืนอยู่ในขั้นตอนใด หรือกรมสรรพากรอาจเรียกร้องเอกสารเพิ่มเติม ดังนั้น ควรตรวจสอบการยื่นภาษีออนไลน์และปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ ตามที่กรมสรรพากรแจ้งให้ทราบ เพื่อให้การขอรับเงินคืนภาษีเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายที่สุด
หากยังไม่ได้รับเงินคืนภาษีหลังจากทำการยื่นภาษีแล้ว คุณสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ตรวจสอบสถานะภาษี : เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบสถานะของการคืนภาษีผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากรเพื่อทราบว่าเงินคืนอยู่ในขั้นตอนใด หรือว่ามีเอกสารเพิ่มเติมที่ต้องเตรียมไห้ครบถ้วนหรือไม่
- ขอรับเช็คใหม่ : หากคุณเลือกรับเงินคืนเป็นเช็คและเกิดปัญหาเกี่ยวกับการจัดส่งหรือเอกสารที่ไม่ครบถ้วน คุณสามารถขอรับเช็คใหม่ได้ โดยสามารถยื่นเรื่องกับสำนักงานสรรพากรในพื้นที่ของคุณ
- เตรียมเอกสาร : กรณีที่คุณต้องการยื่นเรื่องเพื่อขอรับเช็คใหม่ คุณควรเตรียมเอกสารต่อไปนี้
- กรณีผู้ขอคืนภาษีไปยื่นเรื่องเอง : ใช้บัตรประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนาของผู้ยื่นขอคืนภาษี
- กรณีผู้ขอคืนภาษีไปเองไม่ได้และต้องการให้คนอื่นไปดำเนินการแทน : ต้องเตรียมเอกสารดังนี้
- หนังสือมอบอำนาจ
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้ขอคืนภาษี (ผู้มอบอำนาจ)
- บัตรประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนาของผู้รับมอบอำนาจ
โปรดทราบว่าการเตรียมเอกสารคอนโดใหม่ให้ครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้กระบวนการดำเนินการเร็วขึ้นและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
ได้เช็คเงินคืนภาษีไม่ตรงกับที่ปรากฏบนเว็บไซต์กรมสรรพากร
หากได้รับเช็คเงินคืนภาษีแต่ยอดเงินไม่ตรงกับที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การยื่นแบบภายในระยะเวลาที่ต่างกันหรือมีข้อผิดพลาดในการป้องกันซึ่งเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น เอกสารถูกส่งผิดพลาดหรือการคำนวณที่ผิดพลาด เป็นต้น
ในกรณีเช่นนี้ คุณควรดำเนินการติดต่อกับสำนักงานสรรพากรในพื้นที่ เพื่อทำการตรวจสอบและแก้ไขเช็คเงินคืนให้ถูกต้องต่อไป โดยมีข้อควรระวังดังนี้
- ควรเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักฐานการยื่นภาษี หรือเอกสารอื่น ๆ ที่สำคัญ
- อย่าลืมระบุสาเหตุหรือข้อความอธิบายเกี่ยวกับความไม่ตรงกันของยอดเงิน
- รอการตอบกลับจากสำนักงานสรรพากรโดยอาจจะต้องมีการนัดหมายหรือแจ้งให้ทราบเพิ่มเติม
การดำเนินการตามขั้นตอนนี้จะช่วยให้คุณได้รับเงินคืนภาษีที่ถูกต้องและครบถ้วนตามที่คุณมีสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย
ขึ้นเช็คไม่ได้ เช็คหาย หรือธนาคารไม่รับเช็ค
หากเกิดเหตุการณ์ที่เช็คเงินคืนภาษีหาย ชื่อ-นามสกุลในเช็คไม่ตรงกับข้อมูลจริง หรือเช็คมีอายุเกิน 6 เดือนทำให้ธนาคารปฏิเสธไม่รับเช็คหรือไม่สามารถนำเช็คไปขึ้นเงินได้ คุณสามารถเข้าไปยื่นคำร้องขอรับเช็คใหม่ได้ โดยติดต่อที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ เพื่อทำการยื่นคำร้องโดยมีเอกสารประกอบดังนี้
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอคืนภาษีพร้อมสำเนา
- หนังสือแจ้งความ (ในกรณีที่เช็คหาย)
- ใบเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล (ในกรณีที่ชื่อไม่ตรงเนื่องจากเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล)
- หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้ขอคืนภาษี และบัตรประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนาของผู้รับมอบอำนาจ (ในกรณีที่ผู้ขอคืนภาษีมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน)
การดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวจะช่วยให้คุณได้รับเช็คเงินคืนภาษีใหม่ที่ถูกต้องและครบถ้วนตามที่คุณมีสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย
ไม่เห็นด้วยกับยอดเงินคืนภาษีที่ได้รับ
หากคุณไม่เห็นด้วยกับยอดเงินคืนภาษีที่ได้รับหลังจากที่คุณได้ยื่นขอคืนเงินภาษีไปแล้ว และพบว่ายอดเงินคืนภาษีไม่ตรงกับยอดที่คุณคาดหวัง คุณสามารถทำการแย้งเรื่องนี้ได้ โดยการอุทธรณ์กับกรมสรรพากร โดยมีขั้นตอนดังนี้
- จัดทำหนังสืออุทธรณ์ : คุณจะต้องจัดทำหนังสืออุทธรณ์โดยชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุผลที่คุณไม่เห็นด้วยกับยอดเงินคืนภาษีที่ได้รับ โปรดแนบเอกสารประกอบเพื่อเป็นหลักฐานที่ยืนยันข้อความของคุณ
- ยื่นหนังสืออุทธรณ์ : คุณต้องยื่นหนังสืออุทธรณ์ภายในระยะเวลา 15 วันหลังจากที่คุณได้รับหนังสือ ค.30 ซึ่งเป็นเอกสารที่กรมสรรพากรจะส่งให้คุณ
- ติดตามสถานะ : หลังจากที่คุณได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์แล้ว คุณควรติดตามสถานะของเรื่องของคุณอย่างสม่ำเสมอ และตรวจสอบข้อความหรือเอกสารที่ส่งมาจากกรมสรรพากรอย่างรอบคอบ
การดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวจะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องยอดเงินคืนภาษีที่ไม่ตรงตามความเป็นจริงได้และได้รับสิทธิ์ที่คุณคาดหวังไว้อย่างถูกต้อง
ทริกสำคัญที่ไม่ควรพลาดหากต้องการได้เงินคืนภาษีเร็ว ๆ
- ตรวจสอบข้อมูลการยื่นภาษีของตนเองให้ถูกต้องและครบถ้วน โปรดตรวจสอบข้อมูลในทุกเอกสารให้แน่ใจว่าตรงกันทุกประการ
- หมั่นตรวจสอบเสมอว่าเจ้าหน้าที่ของทางกรมสรรพากรได้ส่งเรื่องมาขอเอกสารเพิ่มเติมหรือไม่ หากมีการร้องข้อเอกสารให้รีบจัดส่งโดยเร็วที่สุด
- ควรยื่นภาษีให้จบในครั้งเดียว อย่ายื่นหลายครั้งเพราะจะทำให้การเช็คเงินคืนภาษีของทางเจ้าหน้าที่ล่าช้ามากขึ้น
- ผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนให้เรียบร้อย เพราะเป็นช่องทางที่จะทำให้ได้รับเงินคืนภาษีเร็วที่สุด
สำหรับทุกคนที่ต้องเสียภาษีเป็นประจำทุกปี แม้ว่าเงินรายได้สุทธิไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี คุณยังสามารถตรวจสอบและเช็คเงินคืนภาษีย้อนหลังได้ทันทีที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร อย่าลืมว่าแม้จะหมดเวลายื่นภาษีประจำปีไปแล้วก็ยังสามารถขอเช็คเงินคืนภาษีย้อนหลังได้นานถึง 3 ปี หลังจากนั้นก็หมดสิทธิ์แล้ว ดังนั้น ควรทำการตรวจสอบและดำเนินการโดยรวดเร็วในเวลาที่เหมาะสม