ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทำให้เราต้องมองที่การใช้พลังงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เราใช้ในทุกวัน มีหลายอุปกรณ์ที่อาจกินไฟมากและเป็นสาเหตุที่ทำให้บิลไฟฟ้าของเราเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด ดังนั้นเราจึงต้องรู้จักตรวจสอบและจัดการเพื่อลดค่าไฟลงได้เป็นอย่างดี การตรวจสอบและปรับใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าให้เหมาะสม ทำให้เราสามารถปฏิบัติตามสภาพการเงินและส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ยังเป็นการดูแลสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ดังนั้น มาตรการลดค่าไฟช่วยประหยัดเงิน และช่วยสร้างสภาพแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
ทำไมค่าไฟถึงแพง เกิดจากสาเหตุใด?
เหตุผลที่ค่าไฟฟ้าถึงแพงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นน่าจะทำให้หลายคนของเรากำลังสงสัยลงทะเบียนค่าไฟฟ้ามากมาย ซึ่งเราจะมาทำความเข้าใจว่าเหตุใดทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น ปัจจัยหลักที่เป็นตัวทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นมีดังนี้
- พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า เมื่อเรามีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น หรือมีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณที่มากขึ้น เพื่อความสะดวกในชีวิตประจำวัน เช่นการใช้เครื่องปรับอากาศในวันที่อากาศร้อน เปิดเครื่องฟอกอากาศ หรือการใช้งานที่บ้าน (work from home) ทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นได้
- การขยับค่า Ft ในช่วงเวลาที่สูง ถูกปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขึ้นตั้งแต่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย ไปจนถึง 24.77 สตางค์ต่อหน่วยและในช่วงกลางปี ยิ่งขึ้นอย่างกระชับเป็น 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ในวันที่ 24 เมษายน 2566 ได้มีการพิจารณาให้ค่า Ft เป็น 0.9119 บาทต่อหน่วย หรือ 91.19 สตางค์ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทำให้ค่า Ft สูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
- การมีเครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุด หรือ ไฟรั่ว เป็นปัญหาที่ทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และนอกจากที่มีค่าไฟที่สูงขึ้น ยังมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัย เนื่องจากมีโอกาสที่ไฟช็อตจนเกิดบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และยังเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้บ้านได้
- อากาศที่ร้อนอบอ้าวเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มีอากาศร้อน ทำให้มีการใช้เครื่องทำความเย็น ตู้เย็น หรือ เครื่องปรับอากาศมากขึ้น ทำให้การใช้ไฟเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ค่าไฟของแต่ละบ้านเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะไม่มีการเพิ่มจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานไป
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเยอะที่สุด และวิธีประหยัดพลังงาน
ในยุคที่ค่าไฟฟ้ากำลังขึ้นสูงขึ้นทุกวัน การเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานกลับกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเพื่อลดค่าใช้จ่ายในบิลไฟฟ้าของเรา ด้วยเหตุนี้ขอเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออ่างล้างหน้าตันที่กินไฟเยอะที่สุด พร้อมวิธีประหยัดพลังงานที่คุณสามารถนำมาปฏิบัติได้ทันที เพื่อลดค่าไฟในช่วงสิ้นเดือนได้ดีที่สุด
- เครื่องทำน้ำอุ่น มีการใช้ไฟสูงประมาณ 2,500-4,500 วัตต์ ซึ่งทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นตามไปด้วย วิธีประหยัดพลังงานคือการเลือกซื้อเครื่องที่มีขนาดเหมาะสม พร้อมต่อสายดินให้เรียบร้อย ปรับอุณหภูมิให้พอดี และปิดก๊อก วาล์ว และสวิตช์ทุกครั้งหลังใช้
- เครื่องปรับอากาศ มีการใช้ไฟประมาณ 1,200-3,300 วัตต์ การป้องกันความเย็นรั่วไหลโดยปิดประตู-หน้าต่างให้มิดชิด, ติดม่านกันแดด ปิดวาล์ว และติดตั้งอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียส เป็นวิธีประหยัดพลังงานได้
- เครื่องซักผ้ากินไฟประมาณ 3,000 วัตต์ ควรใส่ปริมาณเสื้อผ้าให้เหมาะสม ใช้น้ำเย็น และรักษาเครื่องเป็นประจำ เป็นวิธีประหยัดพลังงาน
- เตารีดไฟฟ้า กินไฟประมาณ 700-2,000 วัตต์ การตรวจสอบสภาพก่อนใช้งาน ปรับความร้อนให้เหมาะสม รีดตัวที่บางก่อน และถอดปลั๊กหลังใช้เป็นวิธีประหยัดพลังงาน
- หม้อหุงข้าวกินไฟประมาณ 450-1,500 วัตต์ เลือกใช้หม้อที่มีขนาดพอดี ถอดปลั๊กหลังใช้ และรักษาความสะอาด เป็นวิธีประหยัดพลังงาน
- เตาหุงต้มไฟฟ้ากินไฟประมาณ 200-1,500 วัตต์ การตรวจเช็คตัวเครื่องและสายไฟ ตรวจสอบแท่นความร้อนในหม้อ และถอดปลั๊กทันทีหลังใช้ เป็นวิธีประหยัดพลังงานที่มีผลดีต่อกระเป๋าของคุณ
ด้วยข้อมูลนี้ คุณสามารถปรับปรุงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเพื่อประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายในบิลไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
ส่วนประกอบของค่าไฟฟ้า ที่เราต้องรู้มีอะไรบ้าง?
ในปัจจุบันการคำนวณค่าไฟฟ้าในทุก ๆ เดือนมีองค์ประกอบที่ควรทราบดังนี้
- ค่าพลังงานไฟฟ้า (ค่าไฟฐาน) มีฐานโครงสร้างค่าไฟค่าเชื้อเพลิงและการซื้อไฟฟ้าตามนโยบายต่าง ๆ (G) ค่าระบบส่งไฟฟ้า (T) และค่าระบบจำหน่ายไฟฟ้า (D) ที่ถูกประเมินทุก 3-5 ปี การปรับราคานี้สามารถมีการเปลี่ยนแปลงทั้งการปรับขึ้นหรือลดลงของราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า
- ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft): เป็นสูตรที่ใช้ปรับอัตราค่าไฟอัตโนมัติทุก 4 เดือน โดยคำนวณจากต้นทุนค่าไฟผันแปร และลบออกจากค่าไฟฐาน เพื่อปรับให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของต้นทุนจริง
- ค่าบริการรายเดือน รวมถึงต้นทุนในการอ่านและบันทึกมิเตอร์ การจัดทำและส่งบิล ระบบชำระเงิน และบริการลูกค้าที่ได้รับจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งได้กำหนดโดยนโยบายและคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อให้ค่าบริการเป็นธรรมตามที่กำหนด
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มที่อัตรา 7% โดยภาษีนี้ได้ถูกปรับขึ้นในครึ่งปีแรกของปี 2566 ซึ่งส่งผลให้ค่าไฟเฉลี่ยที่ผู้บริโภคต้องจ่ายเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ 4.72 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้นเป็น 5.37, 5.70 และไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้นเป็น 6.03 บาทต่อหน่วยในรอบทั้งหมดของปี และค่าไฟนี้จะถูกแสดงในบิลค่าไฟที่ผู้ใช้ได้รับ
ดังนั้นการทราบถึงส่วนประกอบของค่าไฟฟ้านครหลวงทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจและวางแผนการใช้งานไฟฟ้าในแบบที่เป็นประโยชน์ที่สุด
วิธีง่าย ๆ ช่วยลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าภายในบ้าน
เมื่อคุณได้ทราบการคำนวณค่าไฟคร่าว ๆ แล้ว ต่อไปเรามาทำความรู้จักวิธีตรวจสอบค่าไฟฟ้า จากบ้านเลขที่ที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟฟ้าได้นั้นมีอะไรบ้าง นอกจากที่จะช่วยในเรื่องการรักษาโลกแล้ว ยังช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในกระเป๋าสตางค์ของคุณอีกด้วย
- การเปลี่ยนมาใช้ Smart Home ระบบบ้านอัจฉริยะประหยัดพลังงาน เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการบ้านที่ไม่เพียงแค่ที่พักอาศัย แต่ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ครบทุกรูปแบบ เช่นการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าผ่านแอพพลิเคชัน ที่ช่วยปิด-เปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้จากระยะไกล หรือปรับตั้งค่าให้ระบบไฟฟ้าภายในบ้านทำงานอัตโนมัติ เช่น ปิดเครื่องปรับอากาศเมื่อไม่มีคนอยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นวิธีประหยัดไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมาก
- การเลือกใช้หลอดไฟที่ประหยัดพลังงานเป็นหนึ่งในวิธีที่มีผลมากในการลดค่าไฟ หลอด LED เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะมีความสามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 90% และยังมีอายุการใช้งานที่นานกว่าหลอดไฟอื่น ๆ อีกด้วย การเลือกใช้หลอดไฟที่ประหยัดจึงเป็นวิธีที่สามารถลดค่าไฟได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- การจัดการตู้เย็นอย่างเหมาะสมสามารถช่วยประหยัดไฟฟ้าได้มาก ควรวางตู้เย็นในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และไม่ควรตั้งอยู่ใกล้แหล่งความร้อน รวมถึงการเปิด-ปิดตู้เย็นอย่างมีระเบียบ เช่น ไม่ควรเปิดตู้นาน ๆ หรือเปิดทิ้งไว้โดยไม่จำเป็น ทุกเพื่อประหยัดไฟฟ้าและเงินในกระเป๋า
- การปรับระดับอุณหภูมิของน้ำในเครื่องซักผ้าเป็นวิธีประหยัดไฟที่ง่ายและมีผล การเลือกระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมสามารถช่วยในการทำความสะอาดผ้าได้ดีขึ้น และป้องกันการสูญเสียพลังงานจากการที่เครื่องต้องทำงานหนักเกินไป
- การตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศสามารถช่วยประหยัดไฟฟ้าได้มาก ในช่วงเวลาที่ไม่จำเป็นต้องให้เครื่องทำงานอยู่ เช่น ในช่วงเวลาที่คุณนอนหลับ หรือกลางวันที่อากาศเย็นสบาย การตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศจะช่วยประหยัดค่าไฟและทำให้บ้านมีอุณหภูมิที่คุณต้องการ
การเปิดม่านเพื่อให้แสงแดดเข้ามาในบ้านไม่เพียงแต่ช่วยให้บ้านสว่างไสว แต่ยังช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้อีกด้วย การให้แสงแดดเข้ามาในบ้านช่วยปรับระดับความสว่างภายในบ้าน ทำให้ไม่ต้องใช้ไฟฟ้ามากนักในระหว่างวัน - การตรวจสอบมิเตอร์ไฟเป็นประจำช่วยให้คุณเข้าใจถึงการใช้ไฟฟ้าของครั้งล่าสุด และสามารถวางแผนในการประหยัดไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน ควรทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศให้กับบ่อปลาคราฟอย่างสม่ำเสมอ
บทสรุป
เมื่อค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ในบ้านมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า แต่ยังต้องคำนึงถึงการตรวจสอบและปรับปรุงอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าไฟลงอย่างมีประสิทธิภาพ