ต้นไม้ฟอกอากาศ (Air-purifying plants) คือ พืชที่มีความสามารถฟอกสารพิษและสารอนุภาคต่าง ๆ ในอากาศได้ เช่น ฟอกไดออกไซด์ โฟร์มัลดีไฮด์ และสารพิษต่าง ๆ ที่มีอยู่ในอากาศ ทำให้เราสามารถหายใจอย่างสะดวกสบายขึ้น และลดอาการแพ้ฝุ่นละอองได้ด้วยการเพิ่มความชื้นในอากาศในห้องนอน โดยมีต้นไม้ฟอกอากาศบางชนิดที่นิยมปลูกเช่น ฟิลอเดนดรอน (Philodendron) สนิมอินเดีย (Sansevieria) หรือเฟิร์น (Fern) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ต้องการการดูแลที่ไม่ซับซ้อนและสามารถปลูกได้ในหลายสภาพอากาศ โดยไม่ต้องใช้เครื่องฟอกอากาศเพิ่มเติมในห้องนอน อย่างไรก็ตาม หากมีภาวะอากาศเลวร้าย ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีการรับรองมาตรฐานดีเพื่อช่วยเสริมสร้างความสะอาดของอากาศในห้องนอนอีกด้วย
ต้นไม้ฟอกอากาศ คือต้นไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยลดมลพิษและอากาศกำมะถันในบรรยากาศ โดยสามารถดูดซับสารพิษต่าง ๆ ในอากาศเข้าไปได้ และมีความสามารถในการผลิตออกซิเจนและลดคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ ซึ่งช่วยเพิ่มความหมายของการมีต้นไม้ภายในบ้านหรือที่ทำงาน และเป็นการเพิ่มความสดชื่นและสวยงามให้กับสถานที่ด้วย เป็นต้นไม้ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยลดสารพิษในอากาศ ซึ่งสารพิษเหล่านี้ส่วนมากมาจากการใช้วัสดุสิ่งปนเปื้อน อาหาร และอื่น ๆ ที่ส่งออกซิเจนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สารพิษเหล่านี้สามารถทำให้เกิดอาการหน้ามืด หรือปวดศีรษะได้ แต่ต้นไม้ฟอกอากาศสามารถช่วยลดสารพิษได้
ประโยชน์ของการปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ
การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ มีประโยชน์มากมายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ ดังนี้
1. ฟอกอากาศ ต้นไม้ฟอกอากาศได้รับการศึกษาแล้วว่าสามารถฟอกอากาศได้ดี โดยสามารถดูดซับก๊าซพิษและสารเคมีต่าง ๆ ออกจากอากาศ ดังนั้นการปลูกต้นไม้ฟอกอากาศจะช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศและลดมลพิษที่อยู่ในอากาศ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
2. ลดอุณหภูมิและความชื้น ต้นไม้สามารถช่วยลดอุณหภูมิและความชื้นของอากาศได้ ทำให้อากาศรู้สึกเย็นสบายและช่วยลดความร้อนภายในบ้าน นอกจากนี้ การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับบริเวณที่ปลูกด้วย
การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง ไม่เพียงแต่ช่วยฟอกอากาศในบริเวณที่ปลูกเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับสิ่งแวดล้อมและบ้านของเราด้วย โดยต้นไม้ฟอกอากาศสามารถช่วยลดจำนวนฝุ่น PM 2.5 และอนุภาคที่ไม่ดีต่อสุขภาพในอากาศได้ ยังช่วยลดการสะสมของสารพิษในบริเวณที่มีการปลูกเช่นเดียวกัน การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศยังสามารถช่วยปรับอากาศในห้องให้เป็นอากาศที่สะอาดและมีความชื้นที่เหมาะสม ทำให้เราสามารถหายใจได้สะดวกขึ้นและหลับสบายมากขึ้น นอกจากนี้ การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศยังช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับบริเวณที่ปลูกอีกด้วย ทำให้บ้านของเราดูสวยงามและเป็นสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
แนะนำต้นไม้ฟอกอากาศ
การมีต้นไม้ฟอกอากาศ ภายในบ้านไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงามและช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับบ้านเราเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติอีกด้วยคือการช่วยฟอกอากาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในวันนี้ที่มีมลพิษในอากาศมากขึ้น ดังนั้นแนะนำต้นไม้ฟอกอากาศที่เหมาะสมสำหรับบ้านและออฟฟิศของคุณได้แก่
1. เดหลี (Spathiphyllum)
เป็นต้นไม้ที่มีจุดเด่นในการฟอกอากาศ และมีสีสันสวยงามด้วยดอกสีขาวที่สวยงามและมีกลิ่นหอม แต่นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการดูดสารพิษจากแอมโมเนียหรือเบนซีนได้ดี
2. ต้นจั๋ง (lady palm หรือ Bamboo palm)
เป็นต้นไม้ที่มีความทนทาน และต้องการการดูแลง่าย สามารถปลูกได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน และมีความสามารถในการฟอกอากาศและดูดสารพิษจากฟอร์มาลดี
3. เขียวหมื่นปี (Aglaonema)
เป็นต้นไม้ที่ง่ายต่อการดูแลและต้องการแสงน้อย มีลักษณะใบที่สวยงาม สามารถฟอกอากาศและดูดสารพิษในอากาศได้ดี
4. พลูด่าง (Devil’s ivy)
มีลักษณะลำต้นกลม มีใบกลมคล้ายรูปหัวใจ ส่วนปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ สีใบเป็นสีเขียวอ่อนตลอดทั้งใบหรือบางใบอาจแสดงพู่กันด้วยสีขาว นิยมนำมาเป็นไม้ประดับตกแต่งตามโต๊ะทำงาน ห้องน้ำหรือปลูกไว้ในอาคารต่าง ๆ มีคุณสมบัติในการฟอกมลพิษในอากาศอย่างแอมโมเนีย และลดปริมาณเบนซินและสารละลายไครคลิโรเอทิลีที่มีอยู่ในอากาศ
5. เศรษฐีเรือนใน (Spider plant)
มีลักษณะใบเป็นแถบยาวสีเขียว ตรงกลางใบมีสีขาว ดอกสีขาวส่งกลิ่นหอม ส่วนรากจะมีสีขาวอวบน้ำและเหง้าอยู่ในดิน คุณสมบัติของต้นไม้ชนิดนี้มีส่วนช่วยลดไซลีน ที่พบได้จากควันจากบุหรี่ ยาสูบ หรืออุตสาหกรรมเครื่องหนัง
วิธีดูดสารพิษในอากาศของต้นไม้
การมีต้นไม้ฟอกอากาศ ต้นไม้ให้ร่มเงาไม่ผลัดใบ ในบ้านหรือที่ทำงานไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับบริเวณรอบ ๆ แต่ยังช่วยลดปัญหาสารพิษในอากาศด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
1. ดูดสารพิษผ่านกระบวนการคายน้ำทางปากใบ
ต้นไม้ฟอกอากาศจะมีการคายน้ำที่สูงกว่าต้นไม้ชนิดอื่น ในกระบวนการคายน้ำจะทำให้อุณหภูมิบนผิวใบไม้แตกต่างจากอากาศภายนอก เกิดการหมุนเวียนของอากาศรอบ ๆ ทำให้อากาศที่มีสารพิษไหลลงสู่บริเวณรากพืชที่มีจุลินทรีย์ที่ถูกดึงดูดไว้จำนวนมาก และจุลินทรีย์จะทำการย่อยสารพิษให้กลายเป็นอาหารของพืช
2. ดูดสารพิษผ่านการดูดน้ำจากราก
ในการรดน้ำต้นไม้ที่บริเวณโคนต้น น้ำจะซึมลงรากแล้วต้นไม้จะดูดน้ำไปใช้ยังส่วนต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ในกระบวนการนี้อากาศที่ประกอบไปด้วยออกซิเจน ไนโตรเจน และสารพิษที่ปนเปื้อนจะถูกดึงไปสู่ดินรอบ ๆ ราก จุลินทรีย์จะเปลี่ยนสารพิษที่มากับอากาศให้กลายเป็นอาหารของพืช
3. ดูดสารพิษผ่านการดูดอากาศ
การดูดสารพิษผ่านการดูดอากาศเป็นวิธีที่ต้นไม้ใช้ในการกรองอากาศ เมื่อมีสารพิษปนเปื้อนอยู่ในอากาศ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ฟอร์มาดีไฮต์ ไซลีน โทลูอีน เบนซิน แอมโมเนีย และแอลกอฮอล์ ต้นไม้จะดูดซับก๊าซเหล่านี้เข้าไปในปากใบของต้นไม้ แล้วส่งต่อไปยังราก จากรากไปสู่ดิน และจุลินทรีย์ที่อยู่รอบ ๆ รากจะย่อยสารพิษเหล่านั้นได้
การกรองอากาศด้วยต้นไม้เป็นวิธีที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีการปลูกพืชน้อย หรือมีสารพิษปนเปื้อนอยู่ในอากาศเป็นจำนวนมาก การปลูกต้นไม้ในบริเวณเหล่านี้จะช่วยลดปริมาณสารพิษในอากาศได้มากขึ้น การใช้ต้นไม้ในการกรองอากาศยังเป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายต่ำและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่าไหร่
ต้นไม้ฟอกอากาศ ตั้งไว้บริเวณส่วนไหนของบ้าน
การตั้งต้นไม้ฟอกอากาศนั้นเหมาะสมกับบริเวณที่มีการสะสมของฝุ่นละออง และสารพิษจากสิ่งแวดล้อม เช่น บริเวณห้องนอน ห้องทำงาน หรือบริเวณที่มีการเกิดควันหรือกลิ่นเหม็น เช่น บริเวณห้องครัว หรือห้องน้ำ เพื่อช่วยลดการสะสมของสารพิษในอากาศภายในบ้าน นอกจากนี้ ต้องมีการเลือกต้นไม้ฟอกอากาศที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและแสงในบริเวณที่ต้องการตั้งต้นไม้ด้วย ต้นไม้ฟอกอากาศที่ดีและช่วยดูแลคุณภาพอากาศภายในบ้านได้ดี ดังนั้นการตั้งต้นไม้ฟอกอากาศเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรามีโชค ลาภ ภาพ มงคล เรียก ทรัพย์ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในสภาพแวดล้อมของเรา
นอกจากการเลือกต้นไม้ฟอกอากาศที่เหมาะสมและการตั้งต้นไม้ในสถานที่ที่เหมาะสม ยังต้องมีการดูแลรักษาต้นไม้อย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้รับประโยชน์ในการฟอกอากาศอย่างเต็มประสิทธิภาพ ต้องมีการให้น้ำและปุ๋ยตามความเหมาะสมของชนิดของต้นไม้ รวมถึงการตัดแต่งกิ่งต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของต้นไม้ อีกทั้งยังต้องระมัดระวังการเกิดโรคและแมลงศัตรูพืชที่อาจทำลายต้นไม้ได้ ดังนั้นการเลือกและดูแลรักษาต้นไม้ฟอกอากาศนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในบ้านของเราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ยังมีบริการสำหรับการตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในบ้าน ซึ่งสามารถใช้เพื่อตรวจสอบว่ามีสารพิษใด ๆ ที่สะสมอยู่ในอากาศภายในบ้านหรือไม่ จากนั้นจึงเลือกต้นไม้ฟอกอากาศที่เหมาะสมในการกำจัดสารพิษนั้น ๆ เพื่อช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการใช้เทคโนโลยี IoT (Internet of Things) มาช่วยในการควบคุมค่าคุณภาพอากาศภายในบ้านได้อย่างสะดวกและง่าย เช่น การใช้เซนเซอร์วัดค่าคุณภาพอากาศและส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อให้การดูแลรักษาต้นไม้ฟอกอากาศและคุณภาพอากาศภายในบ้านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
