ตะขาบบ้าน เป็นสัตว์เล็กขนาดเล็กที่มีการกระจายพันธุ์ทั่วไปในบ้านเรา มีลักษณะเด่นคือมีสีน้ำตาลเข้มและมีขนาดเล็ก อาศัยอยู่บนพื้นดิน และมักอาศัยอยู่ในร่องน้ำ รอบๆ บ้าน ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในที่มีความชื้นสูง อาจจะมากัดกินผักและไม้ผลิตภัณฑ์ เป็นสัตว์ที่มีอันตรายต่อมนุษย์เนื่องจากมีพิษในทางการกัด ดังนั้นควรป้องกันไม่ให้เข้ามาในบ้านหรือที่อยู่อาศัยของเรา และระมัดระวังเมื่อเดินทางอยู่ในพื้นที่ที่มีตะขาบบ้านอาศัยอยู่
หากถูกตะขาบกัดจะมีอาการผิวหนังบวมแดง และรู้สึกเจ็บปวด ในกรณีที่ถูกกัดต้องกดที่จุดที่ถูกกัดด้วยผ้าสะอาด หรือถ้ามีอาการแพ้ต้องไปพบแพทย์ทันที การป้องกันตะขาบกัด สามารถทำได้โดยการกำจัดที่อยู่ของตะขาบได้ เช่น การกำจัดรอยแตกซึมของบ้าน การทำความสะอาดบ้านเป็นระยะ ๆ เพื่อไม่ให้ตะขาบมากัดและกำจัดอาหารที่เป็นเชื้อโรคของตะขาบบ้านได้ด้วยการใช้สารเคมีที่มีอยู่ในตลาด หรือใช้วิธีธรรมชาติเช่นวางพวงมะพร้าวหรือมีดักแสงไฟในตอนกลางคืน เพื่อดักจับตะขาบเมื่อมากัดอาหารในบ้าน ควรระมัดระวัง หิ้งพระโมเดิร์น อาจจะเป็นแหล่งของตะขาบ
ทำความรู้จักกับตะขาบบ้านให้มากขึ้น
ตะขาบ (Centipede) เป็นสัตว์ขาปล้องที่มีลำตัวยาวเป็นปล้อง แบนขนานราบกับพื้น ส่วนใหญ่มีความยาวของลำตัวตั้งแต่ 3-8 เซนติเมตร (บางชนิดมีความยาวถึง 8-10 นิ้ว) มีขาออกจากปล้อง ปล้องละ 1 คู่ รวมเป็นจำนวนมากตั้งแต่ 30-180 ข้าง แต่ที่พบในประเทศไทย มักมี 21 ปล้อง ขา 40 ข้าง โดยขาคู่หน้าจะเปลี่ยนเป็นเขี้ยวพิษ
ตะขาบจะวางไข่ในที่ชื้นหรือต้นพืช หญ้า และใช้เวลาในการเจริญเติบโตนาน โดยลอกคราบ 10 ครั้ง ตัวเต็มวัยมีอายุ 3-5 ปี ในเวลากลางวันจะซ่อนอยู่ในที่ชื้นแฉะ เช่นใต้ก้อนหิน ใต้เปลือกไม้ หรือขุดรูในดิน ส่วนในเวลากลางคืนจะออกหาเหยื่อ และกินแมลง หรือซากสัตว์เป็นอาหาร
การไล่ตะขาบไม่ให้เข้าบ้านทำได้อย่างไร
นี่คือวิธีการไล่ตะขาบไม่ให้เข้าบ้านด้วยวิธีธรรมชาติและการใช้สารเคมีที่สามารถทำได้
เลี้ยงไก่
การเลี้ยงไก่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการไล่ตะขาบ ไม่เพียงจะป้องกันตะขาบไม่เข้าบ้านได้เท่านั้น แต่ยังช่วยกำจัดตะขาบได้อีกด้วย
ใช้สบู่ปิดไว้ตามท่อน้ำ
การนำสบู่ไปปิดท่อน้ำเป็นวิธีง่าย ๆ ในการไล่ตะขาบ สบู่ที่มีความลื่นและความด่างในตัวจะช่วยไล่ตะขาบออกไปได้
ใช้น้ำส้มควันไม้
น้ำส้มควันไม้ที่ซื้อได้ทั่วไป มีส่วนผสมของน้ำมันทาร์และยางเรซิน ที่สามารถใช้ไล่ตะขาบหรือแมลงมีพิษต่าง ๆ ได้อย่างดี โดยการฉีดพ่นควรระวังไม่ให้เข้าตาหรือโดนร่างกาย
ใช้โซดาไฟ
การใช้โซดาไฟสารพัดประโยชน์ที่มีความสามารถทำความสะอาดและไล่ตะขาบ และเป็นวิธีการไล่ตะขาบได้อย่างดี เพียงแค่ใส่โซดาไฟในท่อน้ำหรือจุดที่คาดว่าตะขาบจะเข้ามา ก็สามารถไล่ตะขาบออกไปได้แล้ว
ใช้ปูนขาว
การโรยปูนขาวตามจุดที่คาดว่าตะขาบจะเข้ามาหรือซ่อนตัว จะช่วยไล่ตะขาบได้ โดยอาจผสมน้ำมะกรูดลงไปด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการไล่ตะขาบ และต้องหมั่นโรยปูนขาวบ่อย ๆ เพื่อให้ไล่ตะขาบได้นานขึ้น
ใช้ผงล้างห้องน้ำ
การใช้ผงล้างห้องน้ำใส่ไว้ที่ท่อน้ำหรือจุดที่ตะขาบอาจจะเข้ามาในบ้าน ก็จะช่วยไล่ตะขาบได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องระวังความปลอดภัย เฉพาะบ้านที่มีเด็ก ๆ ให้ป้องกันอันตรายจากการสัมผัสผงล้างห้องน้ำด้วย
ใช้ผงไล่ตะขาบ ก้อนไล่ตะขาบ สเปรย์ไล่ตะขาบ
วิธีการใช้สารเคมีเพื่อไล่ตะขาบก็มีทั้งรูปแบบผง ก้อน และสเปรย์ ที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร โดยจะมีกลิ่นพิเศษช่วยไล่ตะขาบออกจากบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลีกเลี่ยงการกำจัดตะขาบด้วยการเหยียบ หรือทุบ
ไม่ควรกำจัดตะขาบด้วยวิธีการเหล่านี้ เพราะการเหยียบหรือทุบตะขาบอาจทำให้ตะขาบที่ถูกกำจัดปล่อยฮอร์โมนที่จะดึงดูดตะขาบอื่นมายังบริเวณเดียวกัน ทำให้มีจำนวนตะขาบเพิ่มขึ้นมาอีก
เพื่อป้องกันการเข้ามาของตะขาบในบ้าน ควรใช้วิธีไล่ตะขาบที่มีประสิทธิภาพ และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากไม่สามารถจัดการได้ด้วยวิธีทั้งหมดนี้ ควรหาช่างประปามาตรวจสอบท่อระบายน้ำในบ้านเพื่อหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่แท้จริง และลดโอกาสให้ตะขาบเข้ามาในบ้านอย่างมากที่สุด
การป้องกันไม่ให้ตะขาบเข้าบ้าน
ลดความชื้นรอบ ๆ ตัวบ้าน
การลดความชื้นรอบตัวบ้านเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้ตะขาบบ้านเข้ามาอาศัยอยู่ค่ะ โดยเราสามารถลดความชื้นในบ้านได้โดยการระบายอากาศ และการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยควบคุมความชื้น เช่น เครื่องฟอกอากาศ หรือเครื่องทำความสะอาดอากาศ แต่งห้องนอน เป็นต้น
นอกจากนี้ เรายังสามารถตรวจสอบจุดที่เป็นที่สะสมความชื้นรอบตัวบ้านได้อีกด้วย โดยเช็คว่ามีจุดไหนที่อาจเก็บความชื้นไว้ได้ง่าย เช่น กองหญ้า กองใบไม้ กองขยะ หรือรางน้ำฝน โดยจะต้องรักษาระเบียงหรือบริเวณรอบบ้านให้สะอาดและเป็นระบบเพื่อไม่ให้เกิดการสะสมความชื้น
เช็คดูรอบแตกร้าวต่าง ๆ
ถ้าคุณต้องการป้องกันไม่ให้แมลงหรือสัตว์ขนาดเล็กเข้ามาในบ้าน สิ่งที่คุณสามารถทำได้คือตรวจสอบดูว่ามีรอยร้าวหรือช่องว่างที่สัตว์เหล่านี้สามารถเข้ามาได้หรือไม่ หากพบว่ามีรอยร้าว คุณสามารถใช้กาวหรือซิลิโคนเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เหล่านั้นเข้ามาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่อระบายน้ำ เนื่องจากตะขาบมักชอบมาตามท่อน้ำ ดังนั้นหากมีรอยร้าวบนท่อน้ำ คุณสามารถซ่อมแซมด้วยกาวหรือซิลิโคนเพื่อป้องกันไม่ให้ตะขาบเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของคุณได้
ปิดและเช็คประตู
การปิดประตูบ้านและห้องน้ำเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันไม่ให้ตะขาบเข้ามารบกวนในบ้าน นอกจากนี้ คุณยังควรตรวจสอบดูว่ามีรอยแตกร้าวหรือช่องว่างในบริเวณประตูหรือไม่ หากพบว่ามีรอยแตกร้าว คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยซีลรอยแตกได้ เช่น กาวหรือซิลิโคนเพื่อแก้ไขปัญหาได้
การป้องกันไม่ให้ตะขาบเข้ามาในบ้านยังสามารถทำได้โดยการตรวจสอบดูและทำความสะอาดบริเวณรอบบ้านอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะบริเวณรอบประตูหรือหน้าต่าง เพราะเป็นจุดที่ตะขาบมักชอบมาอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้วิธีธรรมชาติเช่น ใช้กากหญ้าแห้งหรือวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ เพื่อกำจัดตะขาบได้อย่างปลอดภัยและไม่ต้องใช้สารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
จับและกำจัดพวกมัน
เมื่อตะขาบเข้ามาในบ้านของคุณ คุณควรพยายามจับและกำจัดมันอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้มันกระจายตัวไปก่อนที่คุณจะมีโอกาสจับมันได้ให้ใกล้ชิด และหากคุณไม่มั่นใจว่าคุณจะจับมันได้ด้วยความปลอดภัย คุณอาจจะใช้ชุดป้องกันตัว เช่น ถุงมือ และหลีกเลี่ยงการใช้มือเปล่าในการจับ
อย่าลืมที่จะทิ้งตะขาบที่คุณจับได้ให้ใกล้จากบ้านของคุณ และหลีกเลี่ยงการทิ้งมันในที่ที่อาจทำให้มันกลับมายังบ้านของคุณอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คุณควรระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้ตะขาบกัดคุณได้ โดยควรสวมเสื้อผ้าที่คลุมกันได้มากพอที่จะป้องกันไม่ให้ตะขาบกัดผิวหนังของคุณ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสตะขาบโดยตรงในทุก ๆ กรณี และหากต้องการตัดการติดต่อกับตะขาบใด ๆ คุณควรใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกกัด ดังนั้น ระมัดระวังเสมอเมื่อมีตะขาบเข้ามาในบ้านของคุณ และใช้วิจารณญาณในการจัดการอย่างเหมาะสมและปลอดภัยต่อตัวเองและคนอื่น ๆ ในบ้าน
เมื่อถูกตะขาบบ้านกัดควรทำอย่างไร
หากไล่ตะขาบแล้วยังไม่สามารถป้องกันได้ แถมยังถูกกัดอีก คุณสามารถรับมือกับอาการหลังโดนตะขาบกัดได้โดยการทำดังนี้
- หากตำแหน่งที่ถูกกัดมีแผลเล็ก ๆ สามารถล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและใช้ยาลดปวดเบื้องต้นได้ เช่น พาราเซตามอล หรืออาจใช้น้ำแข็งบีบตามบริเวณที่ถูกกัดเพื่อช่วยลดอาการบวมแดง
- หากอาการรุนแรงขึ้นหรือมีอาการแพ้ที่เป็นอาการรุนแรงก็ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น การฉีดสารป้องกันพิษ หรือการให้ยาต้านการแพ้เป็นต้น
- หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรืออาการทางสมองอื่น ๆ อาจต้องรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามหากอาการไม่หายไปภายใน 24 ชั่วโมง หรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมและช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคตได้